ตารางที่ ๒ แสดงชื่อและลักษณะของพยัญชนะ
พยัญชนะ
|
เสียง
|
ออกเสียง
|
ฐาน
|
กรณ์
|
ปยตนะ
|
กวรรค
|
ก
|
อโฆสะ
|
สิถิละ
|
กัณฐะ
|
กัณฐะ
|
ผุฏฐะ
|
ข
|
อโฆสะ
|
ธนิตะ
|
กัณฐะ
|
กัณฐะ
|
ผุฏฐะ
|
ค
|
โฆสะ
|
สิถิละ
|
กัณฐะ
|
กัณฐะ
|
ผุฏฐะ
|
ฆ
|
โฆสะ
|
ธนิตะ
|
กัณฐะ
|
กัณฐะ
|
ผุฏฐะ
|
ง
|
วิมุตตะหรือนาสิกะ
|
กัณฐนาสิก
|
กัณฐะ
|
ผุฏฐะ
|
จวรรค
|
จ
|
อโฆสะ
|
สิถิละ
|
ตาลุ
|
ชิวหามัชฌะ
|
ผุฏฐะ
|
ฉ
|
อโฆสะ
|
ธนิตะ
|
ตาลุ
|
ชิวหามัชฌะ
|
ผุฏฐะ
|
ช
|
โฆสะ
|
สิถิละ
|
ตาลุ
|
ชิวหามัชฌะ
|
ผุฏฐะ
|
ฌ
|
โฆสะ
|
ธนิตะ
|
ตาลุ
|
ชิวหามัชฌะ
|
ผุฏฐะ
|
ญ
|
วิมุตตะหรือนาสิกะ
|
ตาลุนาสิก
|
ชิวหามัชฌะ
|
ผุฏฐะ
|
ฏวรรค
|
ฏ
|
อโฆสะ
|
สิถิละ
|
มุทธะ
|
ชิวโหปัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
ฐ
|
อโฆสะ
|
ธนิตะ
|
มุทธะ
|
ชิวโหปัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
ฑ
|
โฆสะ
|
สิถิละ
|
มุทธะ
|
ชิวโหปัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
ฒ
|
โฆสะ
|
ธนิตะ
|
มุทธะ
|
ชิวโหปัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
ณ
|
วิมุตตะหรือนาสิกะ
|
มุทธนาสิกะ
|
ชิวโหปัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
ตวรรค
|
ต
|
อโฆสะ
|
สิถิละ
|
ทันตะ
|
ชิวหัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
ถ
|
อโฆสะ
|
ธนิตะ
|
ทันตะ
|
ชิวหัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
ท
|
โฆสะ
|
สิถิละ
|
ทันตะ
|
ชิวหัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
ธ
|
โฆสะ
|
ธนิตะ
|
ทันตะ
|
ชิวหัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
น
|
วิมุตตะหรือนาสิกะ
|
ทันต-นาสิกะ
|
ชิวหัคคะ
|
ผุฏฐะ
|
ปวรรค
|
ป
|
อโฆสะ
|
สิถิละ
|
โอฏฐะ
|
โอฏฐะ
|
ผุฏฐะ
|
ผ
|
อโฆสะ
|
ธนิตะ
|
โอฏฐะ
|
โอฏฐะ
|
ผุฏฐะ
|
พ
|
โฆสะ
|
สิถิละ
|
โอฏฐะ
|
โอฏฐะ
|
ผุฏฐะ
|
ภ
|
โฆสะ
|
ธนิตะ
|
โอฏฐะ
|
โอฏฐะ
|
ผุฏฐะ
|
ม
|
วิมุตตะหรือนาสิกะ
|
โอฏฐนาสิกะ
|
โอฏฐะ
|
ผุฏฐะ
|
พยัญชนะอวรรค
|
ย
|
โฆสะ
|
-
|
ตาลุ
|
ชิวหามัชฌะ
|
อีสังผุฏฐะ
|
ร
|
โฆสะ
|
-
|
มุทธะ
|
ชิวโหปัคคะ
|
อีสังผุฏฐะ
|
ล
|
โฆสะ
|
-
|
มุทธะ
|
ชิวหัคคะ
|
อีสังผุฏฐะ
|
ว
|
โฆสะ
|
-
|
ทันตโอฏฐะ
|
ทันตะ
|
อีสังผุฏฐะ
|
ส
|
อโฆสะ
|
-
|
ทันตะ
|
ชิวหัคคะ
|
วิวฏะ
|
ห
|
โฆสะ
|
-
|
กัณฐะ
|
กัณฐะ
|
วิวฏะ
|
ฬ
|
โฆสะ
|
-
|
มุทธะ
|
ชิวโหปัคคะ
|
อีสังผุฏฐะ
|
อํ
|
โฆสาโฆสวิมุตตะ
|
นาสิกะ
|
นาสิกะ
|
-
|
|
|
วิธีสังเกตโดยใช้ตารางที่
๒
๑.
เริ่มตั้งแต่ ก ก่อน จากตารางนี้แสดงให้เห็นว่า ก เป็นเสียงอโฆสะ
(เสียงไม่ก้อง) ต้องออกเสียงแบบสิถิละ
(หย่อน) คือ เบาหน่อย เป็นอักษรประเภทกัณฐชะ (เกิดที่คอ) และมีกัณฐะเป็นกรณ์
(คอเป็นอวัยวะช่วยทำเสียง) ใช้ความพยายามให้กรณ์และฐานกระทบกันแรง ๆ
จึงมีปยตนะระดับผุฏฐะ.
๒. อักษร ข เป็นอโฆสะ เหมือนกัน แต่ต้องออกเสียงแบบธนิตะ (ตึง)
คือดังหน่อย นอกนั้น เหมือนกับ อักษร ก
ดังนั้น ข จึงออกเสียงดังกว่า ก เล็กน้อยเพราะเป็นธนิตะ.
๓. อักษร ค เป็นโฆสะ เสียงก้อง
แต่ออกเสียงแบบสิถิละ นอกนั้นก็เหมือนกับก และ ข ดังนั้น จึงออกเสียงดังก้องกว่า ก
และ ข อีกเล็กน้อย.
๔. อักษร ฆ เป็นโฆสะ
แต่ออกเสียงแบบธนิตะ นอกนั้นก็เหมือนกับ ก ข และ ค ดังนั้น จึงออกเสียงดังก้องกว่า
ก ข และค อีกเล็กน้อย.
๕ อักษร ง เป็นพยัญชนะที่สุดวรรค
ไม่จัดเป็นโฆสะและอโฆสะ อีกทั้งไม่เป็นทั้งธนิตะและสิถิละ ดังนั้นจึงเรียกว่า
วิมุตตะ และก็เพราะเกิดในฐานทั้งสองคือทั้งคอของตนและนาสิก (จมูก)
มีคอของตนเป็นกรณ์ ดังนั้น จึงเรียกว่า นาสิก
เวลาออกเสียงให้เสียงขึ้นทางจมูกเล็กน้อย
๖. ในพยัญชนวรรคที่เหลืออีก ๔
และพยัญชนะอวรรคก็มีนัยเช่นนี้ เปลี่ยนเพียงแต่ฐาน กรณ์ และปยตนะเท่านั้น.
๗. แม้สระ ก็อาศัยนัยนี้เช่นกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น