๑๐.
ในภาษาบาลี มีอักษรอยู่ ๔๑ ตัว ประกอบด้วยสระ ๘ ตัว
พยัญชนะ ๓๓ ตัว
๑๑. สระ ๘
ตัว คือ
อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
พยัญชนะ ๓๓ ตัว คือ
ก ข ค ฆ ง
จ ฉ ช ฌ
ฎ ฑ ฒ ณ
ต ถ ท ธ น
ป ผ พ ภ ม
ย ร ล ว
ส ห ฬ อ°
ทั้งสระและพยัญชนะทั้ง
๔๑ ตัว นั้น จะกล่าวถึงสระก่อน
สระ
๑๒. อักษร ๘ ตัว มี อ เป็นต้น ไปจนถึง โอ ชื่อว่า สระ
เพราะออกเสียงได้ตามลำพังตัวเองและทำให้พยัญชนะออกเสียงได้
สระ ๘ ตัวนั้น
แบ่งออกเป็น ๒ พวก ตามระยะเวลาที่ออกเสียง คือ
๑. รัสสสระ ได้แก่
สระที่มีมาตราเบา คือ มีระยะเวลาในการออกเสียงไว ใช้เวลาเพียง ๑ มาตรา (มาตรา
ได้แก่ เวลาอันกำหนดด้วยการดีดนิ้วมือ หรือการกระพริบตา ดังนั้น หนึ่งมาตรา คือ
ช่วงเวลาของการดีดนิ้วมือครั้งหนึ่ง หรือกะพริบตาครั้งหนึ่ง. ถ้าเทียบกับสมัยนี้
น่าจะได้แก่ วินาที หนึ่งมาตรา
ใช้เวลาประมาณ ครึ่งวินาที) ได้แก่
สระที่ออกเสียงสั้น มี ๓ ตัว คือ อ
อิ อุ.
๒. ทีฆสระ ได้แก่ สระที่เหลือจากรัสสสระอีก
๕ ตัว คือ อา อี อู
เอ โอ เพราะมีระยะเวลาออกเสียงที่ยาว
คือ ใช้เวลา ๒ มาตรา (ประมาณ ๑ วินาที) จึงมีชื่อว่า ทีฆสระ.
ยังมีข้อยกเว้นอีกคือ
เอ โอ ที่นำหน้าพยัญชนสังโยค (คือ ที่ซ้อนกันอยู่) เป็นรัสสสระ เช่น เสยฺโย โสตฺถิ .
สระเหล่านั้น
ยังแบ่งออกเป็น ๒ พวกได้ตามน้ำหนักของเสียงที่เปล่งออกมา คือ
๑. ครุ คือ สระที่มีเสียงหนัก ได้แก่
- ทีฆสระล้วน
(คือไม่มีพยัญชนสังโยค)
- รัสสสระที่มีพยัญชนสังโยคอยู่ข้างหลัง
เช่น มนุสฺสินฺโท
-
รัสสสระที่มีนิคคหิตอยู่ข้างหลัง เช่น โกเสยฺยํ
๒.
ลหุ คือ สระที่มีเสียงเบา ได้แก่
- รัสสสระล้วน คือ
ไม่มีพยัญชนสังโยคและนิคคหิตอยู่ข้างหลัง
สระเหล่านั้น ยังแบ่งออกเป็น ๓ พวก
ตามลักษณะที่เข้าคู่กันได้ เพราะเกิดในฐานเดียวกัน (ดังจะได้กล่าวต่อไป) คือ
๑.
อวัณณะ ได้แก่ อ อา (เข้าคู่กันได้เพราะมีฐานเดียวกัน)
๒.
อิวัณณะ ได้แก่ อิ อี
๓. อุวัณณะ ได้แก่ อุ อู
ส่วน เอ และ โอ เรียกว่า
สังยุตตสระ เพราะประกอบเสียงสระสองตัวเข้าเป็นเสียงเดียวกัน (คือ อ กับ
อิ ผสมกัน เป็นเอ,
อ กับ อุ
ผสมกัน เป็น โอ) ดังนั้น เอ และ โอ มีฐานที่เกิดต่างกัน
จึงไม่เรียกเป็นวัณณะ เพราะเกิดได้ใน ๒ ฐาน.
คำว่า วัณณะ ในที่นี้ ได้แก่ ฐานและกรณ์
หรืออวัยวะที่กระทำเสียง มีท่ามกลางลิ้นเป็นต้น ดังนั้น ที่เรียก อ กับ อา
เป็นต้นว่า อิวัณณะ เป็นต้น เพราะมีฐานและกรณ์เหมือนกัน
จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สวัณณะ แปลว่า มีฐานและกรณ์เหมือนกัน.
ส่วน
เอ และ โอ เรียกว่า อสวัณณะ เพราะมีฐาน และ กรณ์ ต่างกัน (เรื่องฐานและกรณ์
จะได้กล่าวโดยละเอียดในเรื่องการออกเสียงอักขระสืบไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น