24/5/59

สริสปา สริํสปา สรีสปา .... อย่างไรแน่

สริสปา สริํสปา สรีสปา .... อย่างไรแน่

ข้าพเจ้าเรียบเรียงคัมภีร์นิรุตติทีปนี หลักไวยากรณ์บาฬี สายโมคคัลลานะ เจอศัพท์นี้ สริสปา สรีสปา สริํสปา ก็เลยอดจะเอามาเล่าสู่กันฟังไม่ได้ครับ 


คือ สามรูปนี้ พบว่า ในคัมภีร์นิรุตติทีปนี แสดงอุทาหรณ์นี้ แตกต่างระหว่างปาฐะที่มาในพระบาฬีและคัมภีร์อื่นๆ 
พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เป็น สิริํสป ก็มี สิรีสป ก็มี
พระไตรปิฎกฉบับฉัฏฐสังคายนา (ฉัฏฐสังคายนาซีดี) เป็น สรีสป
คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา คาถา ๖๕๔ เป็น สรีสป
คัมภีร์นิรุตติทีปนีเป็น สริสป
ปาฐะที่มาในคัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับฉัฏฐสังคายนาสมัยนี้เป็น สรีสป ไม่ใช่ สริสป แม้คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา ก็มีรูปเป็น สรีสป และในคัมภีร์ฎีกาอภิธานนัปปทีปิกานั้นก็ระบุไว้ชัดเจนว่า มาจาก สร = ภุสํ, ปุนปฺปุนํ เรื่อยๆหรือคดไปคดมา + สปฺป ไปคด (เลืัอย) มีการแปลง อ ที่ สร เป็น อี และ ลบ ปฺ ที่ สปฺป สำเร็จรูปเป็น สรีสป หมายถึง งู และให้วิเคราะห์เป็น ๒ นัย คือ
สรนฺโต สปฺปติ คจฺฉตีติ สรีสโป,
ภุสํ, ปุนปฺปุนํ วา กุฏิลํ สปฺปตีติ สรีสโป
งูที่กำลังเลื้อยไปเรื่ือยๆ หรือคดไปคดมา ชื่อว่า สรีสปะ.
วิเคราะห็แรกเป็นวิเคราะห์โดยสังเขป ส่วนวิเคราะห์หลังท่านขยายคำว่า สร ว่ามีความหมายว่า ภุสํ ดังนั้น คำว่า สปฺปติ จึงมีความหมายว่า เลื้อยไปโดยเร็ว, อีกนัยหนึ่ง คำว่า สร มีความหมายว่า ปุนปฺปุนํ  ดังนั้น คำว่า สปฺปติ จึงมีความหมายว่า เลื้อยไปเรื่อยๆ
แต่พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐปัจจุบันเป็น สิรีสป ก็มี สิริํสป ก็มี โดยวิเคราะห์ว่า
สีสํ โภคนฺตเร กตฺวา สุปนภาเวน สิรสา  สุปตีติ สิรีสปาฯ
งูที่นอนด้วยหัว ชื่อว่า สิรีสป หมายถึง ซ่อนหัวเข้าไปในระหว่างขนดแล้วนอน.
โดยนัยนี้มาจาก สิร = หัว + สุป ธาตุ ในอรรถว่า นิทฺทา นอน ลง อ ปัจจัย แปลง อ ที่ สิร เป็น อี และแปลง อุ ที่ สุป ธาตุ เป็น อ สำเร็จรุปเป็น สิรีสป. ส่วนรูปว่า สิริํสป เห็นว่า น่าจะเป็นการลงนิคคหิตอาคม.
จะเห็นว่า คัมภีร์นิรุตติทีปนี มีความเห็นว่า มีการลง อิ อาคม ระหว่าง สร และ สป จึงมีรูปต่างจากคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา. ข้าพเจ้าคิดว่า พระบาฬีในยุคที่ท่านรจนาคัมภีร์นิรุตติทีปนีคงมีรูปว่า สริสป ต่อมา เมื่อทำการตรวจชำระเป็นฉบับฉัฏฐสังคายนา จึงมีการชำระปาฐะว่า สริสป ให้ตรงตามหลักฐานในคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกานั้น.


ดังนั้น จึงใช้ได้ทั้งสามรูป ส่วนคัมภีร์นิรุตติทีปนีรจนา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๖-๒๔๔๖ ส่วนการสังคายนาครั้งที่ ๖ (ฉัฏฐสังคายนา) เกิดขึ้น เมื่อ ๒๔๙๘-๒๕๐๐ ดังนั้น จึงเป็นไปได้ที่ปาฐะในพระไตรปิฎกของพม่าตามที่คัมภีร์นิรุตติทีปนีนำมาเป็นอุทาหรณ์นั้น อาจถูกชำระในสมัยฉัฏฐสังคายนา.

ขออนุโมทนา
สมภพ สงวนพานิช

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น