อิตฺถิปจฺจยราสิ
กลุ่มศัพท์ที่ลงปัจจัยในอิตถีลิงค์
๗๐. ลง อาปัจจัย
ในอิตถีลิงค์ ท้ายนามศัพท์อการันต์
อิตฺถิยํ+อโต+อาติ
เฉโทฯ อการนฺตนามมฺหา อิตฺถิยํ อาปจฺจโย โหติฯ
สูตรนี้ตัดบทเป็น
อิตฺถิยํ + อโต + อา. ความหมายคือ อาปัจจัย ย่อมลง ในอิตถีลิงค์
ท้ายนามศัพท์ที่เป็นอการันต์.
อภาสิตปุเมหิ
เกหิจิ สญฺญาสทฺเทหิ นิจฺจํ –
กญฺญา, ปญฺญา, สญฺญา, นาวา, สาลา, ตณฺหา, อิจฺฉา, ภิกฺขา,
สิกฺขา, คีวา, ชิวฺหา, วีสา, ติํสา, จตฺตาลีสา,
ปญฺญาสา อิจฺจาทิฯ
ท้ายสัญญาศัพท์บางศัพท์
ซึ่งไม่เคยกล่าว (หรือใช้ใน) ปุงลิงค์ ลงอาปัจจัยแน่นอน เช่น
กญฺญา = หญิงสาว, ปญฺญา = ปัญญา,
สญฺญา = สัญญา, นาวา = เรือ, สาลา =
โรง, ตณฺหา
= ความอยาก, อิจฺฉา = ความปรารถนา, ภิกฺขา =
อาหาร, สิกฺขา = ข้อปฏิบัติ, คีวา =
คอ, ชิวฺหา
= ลิ้น, วีสา = ยี่สิบ, ติํสา = สามสิบ, จตฺตาลีสา
= สี่สิบ, ปญฺญาสา = ห้าสิบ.[2]
ภาสิตปุเมหิปิ
สพฺพนาเมหิ ตพฺพา,
นีย, ตปจฺจยนฺเตหิ จ นิจฺจํ –
สพฺพา, กตรา, กตมา, อนุภวิตพฺพา,
อนุภวนียา, คตา, ชาตา,
ภูตา, หูตา อิจฺจาทิฯ
ถึงที่เป็นสัพพนาม
บทที่ลงตพฺพ อนีย และ ตปัจจัย แม้จะเคยใช้ในปุงลิงค์ ก็ลงอาปัจจัยแน่นอนเหมือนกัน
เช่น
สพฺพา =
ทั้งหมด, กตรา = พวกไหน, กตมา = พวกไหน, อนุภวิตพฺพา, อนุภวนียา = พึงเสวย,
คตา = ไปแล้ว, ชาตา = เกิดแล้ว,
ภูตา = เป็นแล้ว, หูตา = เป็นแล้ว.
[1] [ก. ๒๓๗; รู. ๑๗๖; นี. ๔๖๖;
จํ. ๒.๓.๑๕; ปา. ๔.๑.๔]
[2] สัญญาศัพท์
หมายถึง ชื่อเฉพาะที่นิยมใช้เรียกกันทางโลก ไม่ได้สำเร็จจากธาตุปัจจัยอะไร
เป็นศัพท์จำพวกรุฬหี หรือเรียกว่า อนิปผันนปาฏิปทิกะ. ในที่นี้ หมายถึง สัญญาศัพท์ บางศัพท์ที่ใช้เป็นอิตถีลิงค์อย่างเดียว
และจะต้องไม่ใช่เป็นคำที่สามารถนำมาใช้ในปุงลิงค์. ด้วยคำนี้ แสดงว่า
ศัพท์เหล่านี้ ใช้เป็นชื่อเรียกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น กญฺญ แล้วลง อา กลายรูปเป็น
กญฺญา ความหมาย คือ ผู้หญิง โดยมิต้องคำนึงถึงการสำเร็จรูปว่ามาจากธาตุและปัจจัยใด
คือ มิใช่มีความหมายตามศัพท์ว่า ผู้ยังชายให้รักใคร่. ปญฺญา คือ
สภาพธรรมที่เรียกว่า ปัญญา, มิใช่ใช้ในความหมายว่า ความรอบรู้ในสังขารทั้งปวง
ดังนี้เป็นต้น จึงเป็นศัพท์อิตถีลิงค์
โดยการลงอาปัจจัยท้ายนามศัพท์เหล่านี้.
แม้จำนวนนับ คือ วีสา เป็นต้น ก็มีรูปเดิมมาจาก วีส และลง
อาปัจจัยเพื่อเป็นอิตถีลิงค์เท่านั้น. กรณีนี้ถือเป็นอีกมติหนึ่ง
ที่ต่างไปจากวิธีการที่คัมภีร์กัจจายนะและปทรูปสิทธิแสดงไว้
ซึ่งผู้สนใจดูวิธีการลงอาปัจจัยเหล่านี้ได้ในคัมภีร์ปทรูปสิทธิสูตรที่ ๔๑๓.
คณเน ทสสฺส ทฺวิติ จตุ ปญฺจ ฉ สตฺต
อฏฺฐนวกานํ วีติ จตฺตาร ปญฺญา ฉ สตฺตาส
นวา โยสุ โยนญฺจี สมาสํ ฐิริ ตีตุติ, และ๔๑๔ ติ จ ฯ
ที่แสดงกระบวนการสำเร็จรูปตามระบบไวยากรณ์ภาษาบาฬีอย่างมีขั้นตอน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น