๙ ธันวาคม ๖๓
คัมภีร์ชาดก ข้อที่ ๙ เรื่องที่ ๙
ว่าด้วยพระเจ้ามฆเทวะ
(พระราชาทรงจับพระเกสาหงอกแล้ว
ตรัสแก่อำมาตย์ทั้งหลายว่า)
[๙] เมื่อวัยล่วงเลยไป
ผมบนศีรษะของเราก็หงอกเทวทูตก็ปรากฏชัด บัดนี้เป็นเวลาที่เราควรจะบวช
[ขุ.ชา. ๒๗/๙. มฆเทวชาดก
ฉบับมหาจุฬาฯ]
***
บัณฑิตแต่กาลก่อน เพราะเห็นเส้นผมหงอกเพียงเส้นเดียว
กลับได้ธรรมสังเวช ไม่ประมาทในวัย ไม่หลงลืมว่า
ชราและมรณะกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว กิจที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ
แสวงหามรรคาเพื่อเดินออกจากทุกข์คือชราและมรณะเหล่านั้น.
.....คิดถึงตัวเอง......
ความเป็นหนุ่มสาว ความไม่มีโรค
และชีวิตที่ยังเป็นอยู่ ๓ ประการนี้
ซึ่งแฝงมากับตนตั้งแต่ได้อัตภาพนี้ในวันแรก
จะกลายเป็นเครื่องมัวเมาที่ลึกกว่าเครื่องดองของเมาใดๆในโลก
และไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังเสพของมึนเมา
มีอยู่ ๓ อย่าง คือ
ความเมาในความเป็นหนุ่มสาว ๑
ความเมาในความไม่มีโรค ๑
ความเมาในชีวิต ๑
ความเมาในสิ่งที่เป็นธรรมดาเหล่านีัแหละ
เป็นเหตุให้ประพฤติทุจริต คือ ความประพฤติผิดทางกาย วาจา และใจ
ซึ่งจะทำให้เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต และนรก ได้.
(อัง.ติก.๒๐/๔๗๘ สุขุมาลสูตร)
ใครเล่าจะนึกถึงว่า
ความเมาในสิ่งที่เป็นธรรมดาเหล่านีั ก่อให้เกิดมากมายเห็นปานนั้น
หากแต่ได้รับคำแนะนำจากพระพุทธเจ้า ผู้พระบรมศาสดา จึงเห็นแจ้ง เห็นโทษ ระมัดระวังมิให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความเมาได้.
เราท่านในฐานะพุทธสาวก
ได้รับฟังธรรม ได้รู้เช่นนี้แล้ว
พึงกำราบความเมาแล้วดำเนินไปตามหนทางที่ทรงปรารภพระองค์เองโอวาทพุทธบริษัทว่า
ก็การที่เราพึงรังเกียจความป่วยไข้
ความแก่ และความตายนี้ ในหมู่สัตว์ซึ่งมีธรรมดาอย่างนี้
ไม่สมควรแก่เราผู้มีปรกติอยู่เช่นนี้
เรานั้นเป็นอยู่เช่นนี้
รู้จักธรรมที่หมดอุปธิ เห็นเนกขัมมะโดยความเป็นธรรมเกษม
ย่อมครอบงำความเมาในความไม่มีโรคใ นความเป็นหนุ่มสาว และในชีวิตเสียได้ทั้งหมด
ความอุตสาหะได้เกิดแล้วแก่เราผู้เห็นนิพพานด้วยปัญญาอันยิ่ง
บัดนี้เราไม่ควรที่จะกลับไปเสพกาม
เราจักเป็นผู้ไม่ถอยหลัง จัก เป็นผู้มีพรหมจรรย์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า ฯ
(อัง.ติก.๒๐/๔๗๘ สุขุมาลสูตร)
***
มาเถิด พวกเรามา
มาดำรงอยู่ในธรรมพระพุทธองค์ทรงสอนไว้เถิด
มีเวลาเท่าไรทำบุญสะสมไว้ให้ได้มากที่สุด
เริ่มตั้งแต่ทาน ศีล สั่งสมสุตะ
ศึกษาพระธรรมคำสอนให้เข้าใจ น้อมนำไปปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์.
อย่าเพิ่งคิดว่า
ตนเองเป็นคนหนุ่มสาว ยังแข็งแรง
มีโรคน้อย ยังเป็นอยู่อีกนาน ไม่ต้องรีบทำอะไร.
ขออนุโมทนา
สมภพ สงวนพานิช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น