๓. อรรถแห่งจตุตถีวิภัตติ
จตุตถีวิภัตติ ใช้ในอรรถต่างๆ
ดังนี้
๑. สัมปทานะ
๒ ในที่ประกอบกับสิลาฆธาตุเป็นต้น
๓ ในที่ประกอบกับนโมศัพท์
๔
ในนามศัพท์ที่เป็นภาวสาธนะและอนาคตกาล.
****
๑. สัมปทานะ
ความหมายของสัมปทานะ
ท่านแสดงไว้ด้วยสูตรนี้ คือ
๓๐๒. ยสฺส ทาตุกาโม โรจเต
ธารยเต วา, ตํ สมฺปทานํ
ผู้ปรารถนาเพื่อให้ย่อมให้แก่การกะใด,
หรือย่อมพอใจแก่การกะใด หรือย่อมทรงไว้แก่การกะใด การกะนั้น ชื่อว่า สัมปทานะ.
อธิบาย สูตรนี้เป็นสัญญาสูตรตั้งชื่อนามศัพท์ที่เป็นชื่อของปฏิคคาหก
คือ ผู้รับว่า สมฺปทาน. คำว่า สมปทาน มาจาก สํ + ป + ทา ธาตุ ให้ + ยุปัจจัย
ในสัมปทานสาธนะ มีรูปวิเคราะห์ว่า
สมฺมา ปทียเต อสฺสาติ สมฺปทานํ,
ปฏิคฺคาหโก
วัตถุหรือกิริยา อันบุคคลย่อมให้ แก่การกะนั้น
ด้วยดี เหตุนั้น การกะนั้น ชื่อว่า สัมปทานะ คือ ผู้รับ.
สํ อุปสัคในที่นี้กล่าวอรรถ สมฺมา
(ด้วยดี) คำว่า การให้ด้วยดี จึงหมายถึง การให้ด้วยวัตถุประสงค์ ๓
ประการ คือ การให้เพื่อบูชา การให้เพื่อยกย่อง การให้เพื่อสงเคราะห์. อย่างไรก็ตาม
แม้การให้ที่ไม่ได้ให้ด้วยจุดประสงค์ดังกล่าว ก็ชื่อว่า การให้ในคำว่า สมฺมา ปทียเต
นี้ได้[1] ดังนั้น การกะที่เป็นผู้รับกิริยาหรือวัตถุ
ที่ผู้ให้ให้ด้วยหวังจะบูชาเป็นต้น ชื่อว่า สัมปทานการกะ.
[1] สัททนีติปกรณ์
สุตตมาลาสูตร ๕๕๔ กล่าวว่า แม้จะเป็นการให้ด้วยความไม่เคารพก็จัดเป็นสัมปทาน
ได้เช่นกัน. ดูรายละเอียดในปทรูปสิทธิมัญชรี.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น